Final Fantasy VII Remake ระบุตัวเกมจะแบ่งออกเป็นหลายพาร์ท พัฒนาด้วย Unreal Engine 4
Final Fantasy VII Remake ระบุตัวเกมจะแบ่งออกเป็นหลายพาร์ท พัฒนาด้วย Unreal Engine 4
มีข้อมูลเพิ่มเติมจากเกม Final Fantasy VII Remake ภายหลังจากปล่อยคลิปใหม่โชว์เกมเพลย์ไปในงาน PlayStation Experience เป็นบทสัมภาษณ์โปรดิวเซอร์ Yoshinori Kitase และไดเรคเตอร์ Tetsuya Nomura จากนิตยสาร Famitsu และ Dengenki ของญี่ปุ่น มีรายละเอียดดังนี้
- ชื่อเกมภาคนี้ ตัดสินใจแล้วว่าจะใช้ชื่อ Final Fantasy VII Remake อย่างเป็นทางการ เพื่อยืนยันว่าเป็นภาครีเมคจริงๆ ไม่ใช่ภาคเสริมหรือภาคต่อแบบที่ผ่านๆมา
- ตัวเกมมีการพัฒนาร่วมกับบริษัทอื่น อย่างเช่น CyberConnect2 (ที่สร้างเกมนารูโตะ) ที่ทั้งสองบริษัทสนิทกันดี ซึ่งคลิปเกมเพลย์ตัวล่าสุด CyberConnect2 ก็ช่วยทำให้ แต่เหมือนจะไม่ถูกใจ ไดเรคเตอร์ Tetsuya Nomura จนต้องมีการปรับใหม่
- ภาคนี้ไม่ได้มีการใช้โมเดลตัวละครจากภาค Final Fantasy VII: Advent Children เพราะเป็นโมเดลเก่านับ 10 ปีแล้ว แถมไทม์ไลน์ตัวละครก็คนละช่วงเวลาด้วย เลยปรับใหม่ให้ดูสมจริงกว่าเดิม
- คลิปตัวล่าสุดที่เห็นมาจากเกมเพลย์ทั้งหมด ยกเว้นบางฉากที่โยกมาจากเมื่อตอนงาน E3 ในเกมสามารถเปลี่ยนมุมกล้องได้อิสระแม้ในฉากรถไฟ
- ฉาก Cloud แต่งหญิง ยืนยันว่ายังมีแน่นอน แต่ยังไม่ได้พัฒนา
- ตัวเกมไม่ใช่แอคชั่นซะหมด ยังมีเกจ ATB อยู่ แต่ภาคนี้ไม่จำเป็นต้องรอให้เต็มจึงจะโจมตีได้ เพียงแต่การโจมตีอาจถูกจำกัด ต้องระวังเมื่อเกจเปลี่ยนเป็นสีแดง ซึ่งคุณ Tetsuya Nomura คาดว่าจะใช้ชื่อใหม่กับระบบนี้
- ปาร์ตี้ในเกมเลือกได้ 3 ตัวละครเหมือนเดิม แต่จะบังคับได้ทีละตัว สามารถเปลี่ยนตัวที่จะบังคับได้
- เพราะฉากเกมทำใหม่หมด เลยจะมีฉากเมือง Midgar ใหม่ๆให้สำรวจมากขึ้น
- กราฟิกในคลิปนั้นยังไม่ใช่ตัวจริง เพราะทำเพื่อมาโชว์เท่านั้น คาดว่าของจริงจะทำให้เนียนกว่านี้
นอกจากนี้คุณ Yoshinori Kitase ยังกล่าวว่า เกม Final Fantasy VII Remake ภาคนี้จะใช้การแบ่งขายตัวเกมเป็นหลายๆพาร์ท ซึ่งเป็นวิธีแบบเดียวกับที่เกมของค่าย Telltale Games ใข้กับเกมอย่าง Game of Thrones หรือ The Walking Dead คือแบ่งเป็น episodes ซึ่งทั้งคู่ไม่ได้เผยเหตุผลที่ทำแบบนี้ แต่คาดว่าน่าจะเป็นเพราะความจุเกมที่อาจมากเกินไปหากทำรวมไว้เป็นตัวเดียว ส่วนระบบการเล่นแม้จะเปลี่ยนไป แต่ยืนยันระบบที่เป็นเอกลักษณ์อย่าง Limit Break ยังอยู่แน่นอน และเนื้อเรื่องหลักๆก็จะอิงตามต้นฉบับด้วย
ปิดท้าย Final Fantasy VII Remake เลือกที่จะใช้เอนจิ้น Unreal Engine 4 ในการพัฒนา ซึ่งคุณ Yoshinori Kitase ให้เหตุผลที่เลือก Unreal Engine 4 เพราะได้การสนับสนุนที่ดีจากทีมงาน Epic Games ทำให้ทำงานง่าย และได้โมเดลเกมแบบยุคใหม่